24.11.56

ไหว้หลวงปู่แดง วัดเขาบันไดอิฐ (พร้อมชีวประวัติ ฉบับย่อ) ณ จังหวัดเพชรบุรี

ถึงแล้วครับ นี่คือหน้ากุฎิ สถานที่ๆเราจะขึ้นไปกราบนมัสการองค์หลวงปู่แดงครับ


นี่แหละครับ หลวงปู่แดงองค์จริงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ครับ


ภาพถ่ายหลวงพ่อแดงจากสถานที่จริงครับ แลดูขลังมากๆครับ

บรรยากาศโดยรอบ ส่วนหนึ่งของวัดเขาบันไดอิฐ ครับ

นี่คือพระอุโบสถที่เราจะขึ้นไปไหว้พระประจำวันเกิดครับ

ด้านบนเมื่อเราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จะมีคนแนะนำให้ไปไหว้พระในถ้ำซึ่งเป็นพระเก่า นี่คือปากทางเข้าถ้ำครับ

องค์พระประธานภายในถ้ำครับ สถานที่จริงสวยงาม แฝงมนต์ขลังมากมายครับ ต้องลองมาพิสูจน์


บรรยากาศส่วนหนึ่งภายในถ้ำครับ มีอีกหลายสิบรูปนะครับที่ผมถ่ายไว้แต่ไม่สามารถนำมาลงได้
เนื่องจากภาพเสียครับ (แปลกมาก)

พระนอนองค์ใหญ่ครับ

ขณะที่เดินไปจะมีปล่องให้แสงพระอาทิตย์เข้ามาเป็นระยะๆ สวยงามมากครับ (อธิบายไม่ถูก)

มุมนี้ เป็นองค์ปู่ฤาษีครับ

พระประธานองค์ใหญ่สีขาวนวล สวยมากครับ


นี่คือส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ ของจริงเยอะมากต้องหาโอกาสมาเที่ยวชมให้ได้นะครับ

บริเวณภายนอกปากทางเข้าถ้ำครับ เป็นลานกว้าง สงบ ร่มเย็น ร่มรื่นมากครับ


เจ้าแม่กวนอิมครับ เก่าแก่สวยงามมากครับ
ประวัติหลวงพ่อแดง (โดยย่อ)
หลวงพ่อแดง เกิดเมื่อวันพุธ ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 11 พุทธศักราช 2422 (บางประวัติก็ว่าเกิดเมื่อ เดือนเมษายน ปีระกา พุทธศักราช 2421) ที่บ้านสามเรือน หมู่ที่ 4 ตำบลบางจาก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี บิดาชื่อนายแป้น มารดาชื่อนางนุ่ม อ้นแสง มีพี่น้องรวมกัน 12 คน ท่านเป็นคนที่ 5 ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว คือ นางน้อย เกิดประดับ ท่านเป็นพี่ชายของ พระครูปัญญาโชติวัฒน์ ( เจริญ ธมฺมโชติ ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ  จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่น่าสังเกตว่า โยมบิดามารดาของท่านเป็นบุคคลผู้มีวาสนา เพราะมีบุตรชายอุปสมบทและครองสมณเพศอยู่จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตถึง 2 รูป ทั้งยังได้เป็นเจ้าอาวาส ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรทั้ง 2 รูป ด้วย ครอบครัวของท่านมีฐานะพอมีพอกิน และเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งในละแวกนั้น
ภาพจากกล้อง ที่ถ่ายจากสถานที่จริงครับ 
เมื่อยังเยาว์วัย ท่านก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ ทำนา ไม่มีโอกาสร่ำเรียนหนังสืออย่างเด็กสมัยนี้จนกระทั่งอายุ 20 ปี พ่อแม่ก็หวังจะให้บวชเรียน จึงพาไปฝากกับท่านอาจารย์เปลี่ยน วัดเขาบันไดอิฐ เพื่อจะได้เล่าเรียนและบวชเป็นพระภิกษุต่อไป
 เมื่อมีอายุครบบวชในปี พ.ศ. 2441 บิดามารดาได้นำท่านไปฝากไว้กับพระอาจารย์เปลี่ยนแห่งวัดเขาบันไดอิฐ และเมื่อได้บวชตามประเพณีแล้ว (บางประวัติว่า อุปสมบท เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2444 อายุ 22 ปี ที่วัดเขาบันไดอิฐ ตำบลไร่ส้ม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี พระครูญาณวิสุทธิ วัดแก่นเหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ ) ได้รับฉายาว่า รตฺโต (แปลว่าสีแดง) ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเขาบันไดอิฐตลอดมา พระภิกษุแดงเมื่อได้บวชก็ประพฤติเคร่งครัดต่อพระวินัยและปฏิบัติต่อพระอาจารย์เปลี่ยนเป็นอย่างดี อาจารย์เปลี่ยนจึงรักใคร่มากกว่าศิษย์คนอื่นๆและยังได้สอนวิชาการวิปัสสนา และวิธีนั่งปลงกัมมัฏฐานให้ รวมถึงถ่ายทอดวิชากฤตยาคมให้อย่างไม่ปิดบังหวงแหน เหตุนี้จึงทำให้พระภิกษุแดงเพลิดเพลินในการศึกษาวิชาความรู้จนลืมสึกยิ่งนานวันก็ยิ่งสำนึก ในรสพระธรรม ก็เลยไม่คิดสึกเลย จึงกลายเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่มีอาวุโสสูงสุด
 หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านเล่าเรียนวิชาไสยศาสตร์และวิปัสสนากัมมัฏฐานกับพระอาจารย์เปลี่ยนจนจบ เมื่อพระอาจารย์เปลี่ยนได้ถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ. 2461 หลวงพ่อแดงซึ่งขณะนั้นเพิ่งมีอายุย่างเข้า 40 ปี พรรษาที่ 20 ก็ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐแทนเป็นต้นมา
ท่านมีวิทยาคมขลังเป็นที่นับถืออย่างมาก ในช่วง พ.ศ. 2479 ได้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรงขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรีทำให้วัวควายล้มตายลงเป็นอันมาก ท่านได้ปลุกเสกผ้ายันต์สีแดง ขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้า ให้ชาวบ้านนำไปผูกไว้ที่ปลายไม้ไผ่ แล้วปักไว้ที่คอกวัวควาย คอกใดที่ผ้ายันต์ของท่านมาปักไว้ วัวควายของคอกนั้นจะไม่เป็นโรคติดต่อ ชื่อเสียงของท่านจึงโด่งดังเป็นที่รู้จักแต่นั้นมา มีผู้คนไปขอของดีไว้ป้องกันตัวจากท่านมิได้ขาด ท่านจึงได้ทำผ้ายันต์และตะกรุดไว้แจก ผู้ที่นำตะกรุดและผ้ายันต์ของท่านไปบูชามักจะประสบกับอิทธิปาฏิหาริย์อยู่เสมอ จนเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2502 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูญาณวิลาศ" พร้อมรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ลูกศิษย์จึงได้ทำการฉลองสมณศักดิ์ให้ท่าน จนกระทั่งพระอาจารย์เปลี่ยนมรณภาพลง พระภิกษุแดงรับหน้าที่เป็นสมภารวัดเขาบันไดอิฐแทน กลายเป็น "หลวงพ่อแดง" ตั้งแต่ พ.ศ. 2461 เป็นต้นมา และแม้ท่านจะได้เป็นสมภารซึ่งต้องมีภารกิจมาก แต่ท่านก็ยังปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิในถ้ำเพื่อแสวงหาวิมุตติภาวนาทุกวัน ญาณสมาธิจึงแก่กล้า จิตนิ่ง บริสุทธิ์ จนว่ากันว่าท่านมีหูทิพย์ ตาทิพย์
ในระหว่าง พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2480 เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ วัยควายเป็น โรครินเดรอ์เปรส ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง พากันล้มตายเป็นเบือ สัตว์แพทย์ก็ไม่มีต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา ราษฎรจึงพากันไปหาหลวงพ่อให้ช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระบาดสัตว์ให้ด้วย หลวงพ่อแดงจึงปลุกเสกลงเลขยันต์ในผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆแจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควายนำไปผูกปลายไม้ปักไว้ที่คอกสัตว์ของตน ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้าประเจียดยันต์หลวงพ่อแดงไม่ตายเลย ทุกบ้านในตำบลใกล้เคียงวัดเขาบันไดอิฐ เมื่อรู้กิตติศัพท์จึงพากันมาขอยันต์หลวงพ่อแดงทุกวันมิได้ขาด
กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คือมหาสงครามเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ก็เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีก็ตระหนกตกใจ แล้วชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจก ให้คุ้มครองป้องกันตัว เมืองเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2487 เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง มีระเบิดลงทุกวันทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน ทุกหน่วยราชการปิดหมด และปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า บ้านคนที่มีผ้ายันต์หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย หลวงพ่อแดงจึงดังใหญ่จนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 กิตติคุณของหลวงพ่อในทางกฤตยาคมจึงปรากฏความศักดิ์สิทธิ์แพร่หลายยิ่งขึ้น
ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแดงปรากฏอีกครั้ง เมื่อเกิดคอมมิวนิสต์ญวนเหนือบุกญวนใต้ ประเทศไทยต้องส่งกองพันเสือดำ ออกไปช่วยพันธมิตรรบในญวนใต้ก็ปรากฏว่าทหารไทยทีไปปฏิบัติหน้าที่รบในเวียดนาม คนที่มีเหรียญหลวงพ่อแดงห้อยคออยู่ ไม่ถูกอาวุธเป็นอันตรายแก่ชีวิตสักคน ทั้งๆที่เข้าประจันบานอย่างหนักเป็นที่สงสัยของเพื่อนทหารต่างชาติว่าทหารไทยมีของดีอะไร ได้รับคำตอบจากทหารไทยว่ามี "เหรียญหลวงพ่อแดง"
หลวงพ่อแดงท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาสูง และอารมณ์ดีเสมอ ไม่ชอบดุด่า ว่าใครโดยเฉพาะคำหยาบคายถึงพ่อแม่ท่านห้ามขาด ท่านว่าทุกคนเขาก็มีพ่อมีแม่ การด่าถึงบุพากรีทำให้ความดีงามเสื่อมถอย ถึงห้อยพระพระท่านก็ไม่คุ้มครอง
ครั้น ถึงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2517 ตรงกับแรม 8 ค่ำ เดือน2 เวลา 21.05 น.หลวงพ่อแดงมรณภาพด้วยโรคชราที่วัดเขาบันไดอิฐ สิริอายุ 96 ปี พรรษาที่ 74 ก่อนตายท่านเคยพูดกับพระปลัดบุญส่ง ธมัมปาโล รองเจ้าอาวาสวัดขณะนั้นว่า  "เมื่อฉันหมดลมหายใจแล้วอย่าเผา ให้เก็บร่างฉันไว้ที่หอสวดมนต์ และให้เอาเหรียญที่ปลุกเสกรุ่น 1 ใส่ปากไว้พร้อมเงินพดด้วง 1 ก้อน ส่วนนี้ฉันเอาไปได้และให้เอาขมิ้นมาทาตัวฉันให้เหลืองเหมือนทองคำ พระบุญส่งจึงรับปาก และได้ทำตามที่หลวงพ่อประสงค์ทุกอย่าง
หลังจากที่หลวงพ่อแดงมรณภาพแล้วก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อภินิหารของหลวงพ่อแดงมีจริง กับผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเพชรบุรีท่านหนึ่ง ซึ่งจู่ๆท่านก็มีนิมิตฝันเห็นบ่อน้ำโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นก้ามปูใหญ่ พอขุกก็พบบ่อน้ำนั้นจริงๆ บ่อน้ำแห่งนี้หลวงพ่อแดงเคยพูดไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่าเป็น "บ่อน้ำวิเศษ" และขณะที่ขุดยังพบ "หัวพญานาคสีขาว" แบบปูนปั้นอยู่ที่ก้นบ่อด้วย 1 หัว เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันแห่มาเพื่อจะตักน้ำเอาไปใช้กันแต่ปรากฏว่าพบงูใหญ่ตัวหนึ่งนอนขดอยู่ใต้สังกะสีที่เอาไว้ปิดปากบ่อ ชาวบ้านที่เห็นบอกว่า ลักษณะงูที่เห็นนั้นมีหงอนที่หัวด้วย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปตักน้ำที่บ่อนี้อีกเลย ที่น่าแปลกอีกก็คือ นายตำรวจท่าหนึ่งซึ่งเคยมาช่วยงานในวัดก็ฝันเห็นหลวงพ่อแดง ท่านมาต่อว่า "ทำอะไรทำไมไม่บอก" นายตำรวจก็ไปเล่าให้พระปลัดบุญส่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันฟัง ท่านก็ไม่เชื่อแล้วยังสั่งให้ย้ายศาลเก่า 2 ศาล บริเวณเชิงเขาบันไดอิฐเพื่อปรับปรุงบริเวณ โดยไม่ยอมทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพราะท่านเป็นคนไม่เชื่อไสยศาสตร์ ปรากฏว่าพอตกเย็นก็เกิดอาการผิดปกติ อยู่ๆคอก็เริ่มบิดและตัวแข็งไปทั้งตัว ขยับไม่ได้ ชาวบ้านมาเยี่ยมเห็นว่าอาการหนักมากจึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาลเปาโล แต่พอถึงโรงพยาบาล อาการที่เป็นกลับหายราวปลิดทิ้ง และเมื่อเอ็กซเรย์พร้อมตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบว่าเป็นอะไรเลย และระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ท่านก็พูดออกมาคนเดียวโดยไม่รู้ตัวว่า "ของดีมีอยู่ ผ่านไปผ่านมาไม่ใช้ต้นก้ามปูตรงนั้นเป็นบ่อน้ำ ให้ขุดลงไปแล้วจะเจอ มีของดีทำไมไม่รักษา" ในภายหลังที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วพระครูโสภณพัฒนกิจ (หลวงพ่อบุญส่ง ธัมมปาโล)ก็ได้ฝันอีกครั้ง ในความฝันท่านเห็นคนนุ่งผ้าถกเขมรมาหา มาบอกว่าเขาเป็นคนมัดหลวงพ่อเอง พูดแล้วเขาก็เอามือรีดที่ตัวหลวงพ่อเหมือนรีดเอาไขมันออก ทั้งขาและแขน จนหลวงพ่อพระปลัดบุญส่งสะดุ้งตื่นและพอตื่นขึ้นมาก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ในห้องพอถามชื่อ เขาก็ถอยออกไปแล้วตอบกลับมาว่า "เขาเป็นเปรต" จากนั้นก็หายวับกลายเป็นแสงไฟ พร้อมเสียง "วี๊ด" ดังมาก ซึ่งพระในวัดก็ไดยินกันทั่ว เรื่องนี้ได้ทำให้ "พระครูโสภณพัฒนกิจ (บุญส่ง ธัมมปาโล)" เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐรูปปัจจุบันยอมรับว่าอภินิหารของหลวงพ่อแดงนั้นมีจริงเพราะเจอแล้วด้วยตัวท่านเอง
       "หลวงพ่อแดง" แห่งวัดเขาบันไดอิฐ  ท่านเป็นพระเกจิที่มีญาณสมาธิแก่กล้า มีจิตตานุภาพสูงพอที่จะเพ่งเครื่องรางให้ขลังได้ ผ้ายันต์และเหรียญลงยันต์ของหลวงพ่อแดงจึงมีผู้นิยมเสาะหาไปบูชากันมาก แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ 16 มกราคม พ.ศ. 2517 แต่ความนิยมเลื่อมใสศรัทธา ความเชื่อมั่นในกฤตยาคม อภินิหาร และอาคมขลังในวัตถุมงคลของท่านก็ยังไม่เสื่อมคลาย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีอะไรดี ทำไมใครๆ ทั่วสารทิศจึงพากันมาวัดเขาบันไดอิฐกันไม่ขาดสาย

พระคาถาหลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ ท่านให้ท่อง นะโม 3 จบ แล้วว่าดังนี้
“เมอะมะอุ ชาติอะมะ พุทธะสังมิ นะชาลิติ เอหิมาเรหิ นะโมพุทธายะ มะอะอุ”








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น